Google Pixel 9 Pro XL ได้รับการยกเครื่องการออกแบบให้ดูพรีเมียมและทันสมัยมากขึ้น โดยเปลี่ยนจากทรงโค้งมนของรุ่นก่อน ๆ มาใช้ดีไซน์ที่ "เหลี่ยม" และ "แบนราบ" มากขึ้น คล้ายกับคู่แข่งระดับเรือธงในตลาด การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความรู้สึกในการสัมผัสและการจับถือ (Ergonomics) ซึ่งสร้างทั้งความประทับใจและความเห็นที่แตกต่างกันในหมู่ผู้ใช้งาน
วัสดุพรีเมียมที่มอบความหรูหรา
Pixel 9 Pro XL ถูกสร้างขึ้นจากวัสดุระดับพรีเมียมที่มอบสัมผัสความหรูหราอย่างแท้จริง
เฟรมอลูมิเนียมขัดเงา (Polished Aluminum Frame): เฟรมด้านข้างทำจากอลูมิเนียมขัดเงาให้ความรู้สึกแข็งแกร่งและดูหรูหรา แต่ข้อเสียคือเป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย และความมันวาวทำให้ตัวเครื่องมีความลื่นสูงเมื่อถือใช้งาน
กระจกหลังแบบด้าน (Matte Glass Back): ด้านหลังเป็นกระจก Gorilla Glass Victus 2 ที่ทำผิวแบบด้าน (Matte Finish) ซึ่งให้สัมผัสที่นุ่มนวล (Silky Matte Glass) และไม่เก็บรอยนิ้วมือได้ดีกว่า แต่กระจกด้านก็ยังคงมีความลื่นอยู่บ้างเมื่อวางบนพื้นผิวเรียบ
น้ำหนักและขนาด: ด้วยขนาดหน้าจอ 6.8 นิ้ว และน้ำหนัก 221 กรัม (ขนาดตัวเครื่อง 162.8×76.6×8.5 มม.) ทำให้ 9 Pro XL เป็นสมาร์ตโฟนขนาดใหญ่และมีน้ำหนักพอสมควร ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานด้วยสองมือเป็นหลัก
ความรู้สึกในการจับถือ (Grip and Comfort)
การเปลี่ยนมาใช้ดีไซน์ขอบแบนราบคล้ายกล่อง (Boxy Proportions) คือจุดที่ทำให้ผู้ใช้งานมีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างชัดเจน
จุดที่ถูกวิจารณ์ (The Trade-Offs)
ความไม่สบายมือสำหรับบางคน: ผู้ที่เคยชินกับ Pixel 8 Pro ซึ่งมีขอบโค้งมนที่จับถนัดมือกว่า รู้สึกว่าขอบที่แบนของ 9 Pro XL นั้นขุด (Digs into) เข้าไปในฝ่ามือ ทำให้รู้สึกไม่สบายมือเมื่อต้องถือเป็นเวลานาน โดยเฉพาะเมื่อใช้มือเดียว
ความลื่น: แม้ว่าขอบจะแบนราบ แต่ความมันวาวของเฟรมอลูมิเนียมและพื้นผิวกระจกด้านยังคงทำให้ตัวเครื่องค่อนข้างลื่นมาก ผู้ใช้หลายคนแนะนำว่าการใส่เคสเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
จุดที่ได้รับคำชม (The Strengths)
ความรู้สึกพรีเมียม: ผู้ใช้ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่านี่คือ "ฮาร์ดแวร์ที่ดูพรีเมียมและให้สัมผัสที่ดีที่สุด" ในบรรดา Pixel ทุกรุ่นที่ผ่านมา
การควบคุมที่ดีขึ้น: ขอบที่แบนราบทำให้บางคนรู้สึกว่าจับได้กระชับ และมั่นคงกว่าเมื่อต้องถือในแนวนอนเพื่อเล่นเกมหรือดูวิดีโอ โดยเฉพาะผู้ที่เคยมีปัญหานิ้วมือไปสัมผัสหน้าจอโดยไม่ตั้งใจ (Accidental Touch) บนรุ่นขอบโค้ง
กล้องที่ไม่โยกเยก: การออกแบบแผงกล้องใหม่เป็นรูปทรงแคปซูล ทำให้โทรศัพท์ไม่โยกเยกเมื่อวางราบกับพื้นผิว ซึ่งเป็นข้อดีที่เล็กน้อยแต่สำคัญ
สรุป: โฉมใหม่ที่ต้องทำความคุ้นเคย
Pixel 9 Pro XL ได้ยกระดับรูปลักษณ์และสัมผัสให้ก้าวไปสู่ระดับ "เรือธงอย่างแท้จริง" ด้วยวัสดุชั้นยอดและงานประกอบที่ประณีต อย่างไรก็ตาม ดีไซน์ที่เปลี่ยนจากโค้งมนเป็นขอบแบนราบได้เข้ามาแทนที่ความสบายในการจับถือด้วยมือเดียวที่เคยมีในรุ่นก่อนหน้า
หากคุณกำลังมองหาสมาร์ตโฟนจอใหญ่ที่ให้ความรู้สึกหรูหราเหมือนคู่แข่งระดับท็อป นี่คือโทรศัพท์ที่ตอบโจทย์ แต่คุณอาจจะต้องเตรียมใจรับความจริงที่ว่ามันคือ "โทรศัพท์ที่เหมาะกับการใช้สองมือ" และควรหา เคสที่มีพื้นผิวให้การยึดเกาะที่ดี (Grippy Case) มาใช้ เพื่อเสริมความมั่นคงในการจับถือ และปกป้องตัวเครื่องที่ค่อนข้างลื่นครับ